สื่อต่างประเทศเอ็นบีซีนิวส์ เปิดเผยแนววิเคราะห์หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐ ว่าประเทศจีนแผ่ขยายอิทธิพลทางความคิดด้วยการนำเสนอข้อมูลปฏิบัติการสงครามข่าวสาร ผ่านโซเชียลมีเดียพร้อมเย้ยว่าไร้ผล จับได้ 3-4 กลุ่มมีคนติดตามไม่ถึง 1,500 คน อ่านจบคล้ายอธิบายพฤติกรรมของสหรัฐที่เข้ามาป่วนในประเทศไทยและอาเซียนตาม ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิคอย่างไรอย่างนั้น ถึงเวลาที่รัฐบาลและคนไทย จะรู้เท่าทันพฤติกรรมของมหาอำนาจ มองทะลุเป้าหมายที่แท้จริง”ใครที่ยุแหย่ทำลาย ใครที่ช่วยเหลือยืนเคียงข้างประชาชนไทย สถาบันหลักของชาติไทย”-ใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาทั้งมวล
อาวุธสงครามข่าวสาร ทั้งทวิตเตอร์, อินสตราแกรม, เฟซบุ๊คและยูทูป ถูกใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่แนวความคิดปฏิปักษ์ต่ออำนาจรัฐของสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญการข่าวเกาะติดและประเมินว่า จีนเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์แนวความคิดระบบประชาธิปไตยและเผด็จการเบ็ดเสร็จของรัฐบาลสหรัฐ เปรียบเทียบการปกครองแบบประชาธิปไตยรวมศูนย์ของจีน เพื่อพยายามครอบงำและมีอิทธิพลกับคนอเมริกัน
อเมริกาคือต้นแบบประชาธิปไตยแบบไหน?
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองของสหรัฐ ลงความเห็นว่าประเทสรัสเซียดีกว่าหลายประเทศที่พยายามแทรกแซงทางความคิด ด้วยข้อมูลบิดเบือนและมีเป้าหมายในการสนับสนุนหรือต้านคู่แข่งขันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ใกล้เข้ามา และมองว่าเป็นการพยายามเข้ามาสร้างแรงกดดันหรือ สร้างอิทธิพลทางความคิดระยะยาว พวกเขาเกรงว่า ปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูลของรัฐบาลจีน เป็นภัยอันตรายอย่างร้ายแรกต่อประชาธิปไตยที่จะผ่านการเลือกตั้งไปอย่างเรียบร้อยที่จะมาถึงนี้
เคน แม็คคัลลัม ผู้บริหาร หน่วยความมั่นคงอังกฤษ,เอ็ม15 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐมองว่า คนจีนยื่นหน้าเข้ามาอย่างหนาแน่นขึ้นในโลกโซเชียลของสหรัฐ ผ่านแพลตฟอร์มของรัสเซีย เช่น “เพลย์บุ๊คของรัสเซีย” โดยเป็นการลดความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา เป็นรูปแบบการรุกเชิงข่าวสารระดับโลก
“ถ้ารัสเซียเป็นอากาศเสีย, การปฏิบัติการเชิงรุกของจีนก็เป็นดังเช่นปัญหาโลกร้อน ซึ่งทำลายโลกนั่นเอง” แม็คคัลลัมกล่าว
“สหรัฐเป็นการปกครองแบบระบบประชาธิปไตยและระบบเผด็จการของรัฐบาล” ลอรา โรเซนเบิร์ก, ผู้อำนวยการ พันธมิตรเพื่อความมั่นคงแห่งประชาธิปไตย เอ็นจีโอกองทุนมาร์แชลของเยอรสนีในสหรัฐเกาะติดความเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีน “ประเทศจีนพัฒนาแนวรบทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลกและพยายามวาดภาพประเทศจีนว่าเป็นระบบที่เป็นประชาธิปไตยรวมศูนย์ มีความเท่าเทียมและธรรมาภิบาล ซึ่งตรงกันข้ามกับสหรัฐอเมริกา”
“ประเทศจีนปฏิเสธเข้าแทรกแซงการเมืองสหรัฐ และยืนยันการพัฒนาบทบาทของจีนในบริบทสร้างการยอมรับและมีส่วนร่วมในประเด็นของโลกและในหมู่นานาชาติมากขึ้น โดยไม่เคยเข้าไปแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแต่อย่างใด” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน นายหวัง เวนบินกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 “ในทางตรงกันข้าม -โลกต่างเห็นชัดเจนว่าใครกันแน่ที่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่างๆ”
สหรัฐว่าเขาแต่ลืมมองตัวเองว่าก็ทำแบบนี้กับประเทศอื่น
ผู้เชี่ยวชาญการเมืองสหรัฐกล่าวว่า รัสเซียดำเนินแนวทางแบ่งแยกและเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดในสหรัฐมานับทศวรรษ ในยุคแห่งโลกอินเตอร์เน็ต ใช้การเปลี่ยนแปลงทัศนคติสังคมด้วยการครอบงำความคิดผ่านโซเชียลมีเดีย มันเป็นเครือข่ายข่าวสารแบบโฆษณาชวนเชื่อภาษาอังกฤษที่มีขนาดใหญ่มาก ทั้งโทรทัศน์รัสเซียและเว็บไซต์ เว็บไซต์เหล่านั้นจะโปรโมทเรื่องราวต่างๆ ซึ่งมักเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐและ เปิดโปงประเทศที่ล้าหลังเสียหายโดยเน้นไม่ที่ผลจากการเกิดการประท้วงและความรุนแรง โดยอธิบายในมุมมองที่รัฐบาลจีนต้องการสื่อ
ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลจีน จะฉายภาพประวัติศาสตร์และบทบาทของจีนต่อโลก มากกว่าจะรายงานบทบาทขัดแย้งของสหรัฐและจีนหรือกับกลุ่มประเทศตะวันตก เช่นการพัฒนาเศรษฐกิจ-ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนและนานาชาติเพิ่มขึ้นในระดับทั่วโลก และไม่แสดงความหยาบคาย เพราะต้องการเป็นที่ยอมรับบทบาทในเวทีโลก -ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงและไม่เปิดเผยนามหน่วยข่าวกรองสหรัฐกล่าวว่า “รัสเซียต้องการสัมพันธ์กับสหรัฐ ประเทศจีนไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐวุ่นวายเพราะ สหรัฐคือตลาดใหญ่ของพวกเขาและพยายามลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์กับสหรัฐและการที่เขาจะแทรงหน้าสหรัฐไปเป็นผู้นำโลก” พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้พลังวาทกรรม ในการบรรลุเป้าหมาย ว่า ต้นแบบการปกครองของจีนคือโครงสร้างรัฐบาลที่ดีที่สุด-การเมืองเป็นประชาธิปไตยรวมศูนย์ เศรษฐกิจเป็นแบบสังคมนิยม
ผู้เชี่ยวชาญการเมืองโลกกล่าวว่า เพื่อพ้ฒนาอิทธิพลในต่างประเทศ โดยเฉพาะจุดที่สหรัฐเคยมีอิทธิพลทั้งการเมืองและการทหารและมีพันธมิตรมากมายในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสมัยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และพยายามสร้างภาพว่าสหรัฐใช้อำนาจครอบงำโลก
เกรแฮม บูกี ผู้อำนวยการสมาคมแอตแลนติกและการบริหารข่าวสาร-การวิจัยทางดิจิทัล เป็นองค์การเอ็นจีโอThingTank กล่าวว่า”โครงสร้างพื้นฐานและการร่วมมือจากประเทศจีน เป็นการออกแบบเพื่อนำเสนอแนวความคิดและความเชื่อของจีนไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มชุมชนผู้อพยพ
เปลี่ยนยุทธิวิธี-สลับเปิดเผยกับแอบแฝง
เป็นเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา ชาวจีนได้เริ่มใช้เพจ “เพลย์บุ๊คของรัสเซีย” เผยแพร่แนวคิด บูกีกล่าวว่าพวกเขาใช้กลยุทธ์ “ทั้งแอบแฝงและเปิดเผย” (Cover and Overt tactics) เพื่อครอบงำทัศนคติสาธารณะ รวมข้อมูลบิดเบือนแบบโฆษณาชวนเชื่อด้วย ตัวอย่างเช่น ในช่วงแรกเริ่มของการระบาดไวรัสโควิด-19 ตัวแทนชาวจีนที่สร้างแอคเคาท์ปลอมในโซเชียลมีเดีย ได้แพร่ข้อมูลเท็จว่า รัฐบาลทรัมป์จะล็อคดาวน์ประเทศ ในตอนกลางเดือนมีนาคม หน่วยข่าวกรองสืบพบว่า ข้อมูลบิดเบือนนี้เผยแพร่ในหมู่ทวิตเตอร์
คริสโตเฟอร์, ผู้อำนวยการหน่วยเอฟบีไอ แถลงที่เดือนกรกฎาคม ที่สถาบันฮุสตัน,กลุ่มนักคิดวอชิงตันกล่าวว่า ประเทศจีนใช้เรื่องราวเสมือนควัน, กระจก นำเสนอสาธารณชนอเมริกันอย่างอ้อมๆไม่โดยตรง ประเทศจีนใช้กลยุทธ์แบบใหม่ในประเทศต่างๆ เช่นในรายงานหัวข้อ “การปฏิบัติการที่ทำไปฝายเดียว” บริษัทกราฟิกา เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กมีโพสต์การเคลื่อนไหวของประเทศจีนมากขึ้น เช่นประเด็นวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ประเทศจีนเสนอช่วยประเทศฟิลิปปินส์ และปธน.โรดิโก ดูเตอร์เต กล่าวว่า “ประเทศจีนเขาครอบครองทะเลจีนใต้แล้ว” เป็นต้น
การรณรงค์ข้อมูลบิดเบือนของประเทศจีนดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกันยายน 2019 ทวิตเตอร์ปิดแอคเค้าท์ 936 แอคเค้าทฺที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของประเทศจีน บางแอคเค้าท์มาจากเมืองต่างๆในสหรัฐ เผยแพร่ทฤษฎีสมคมคิดเกี่ยวกับ เคลื่อนไหวชูประชาธิปไตยในฮ่องกง และเผยแพร่หลายภาษาเช่น ภาษาจีน, อินโดนีเซีย, อาราบิก, อังกฤษ, สแปนิช เป็นต้น
นักวิจัยที่บริษัทกราฟิกา เรียกกลุ่มโปรจีนว่า “สแปมมังกร” ในช่วงฤดูร้อนโพสต์ดุเดือด เผยแพร่วีดิโอภาษาอังกฤษ ต่อต้านนโยบายทรัมป์บนทวิตเตอร์, ยูทูปและเฟซบุ๊ค การบรรยายวีดิโอใช่เสียงโรโบติกเป็นภาษาอังกฤษ วิจารณ์กรณีตำรวจสหรัฐใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมต้านการเหยียดผิว แต่วีดิโอล้มเหลวเพราะไม่มียอดชมเลย
เบน นิมโม, ผู้อำนวยการด้านสืบสวนของบริษัทกราฟิกากล่าว่า “ผมไม่พบสแปมมังกร มีคนทั่วไปเข้าร่วมชม คนติดตามทั้งหมดเป็นสมาชิกเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น”
การแทรกแซงอย่างจำกัด
จีนมุ่งเข้ามามีอิทธิพลในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างจำกัด มันเป็นการวิจัยหวังผลด้านเดียว การวิเคราะห์บริษัทกราฟิกาพบว่า กลุ่มบนเฟซบุ๊กและอินสตราแกรม ทั้งเพจและโพรไฟล์ระบุไปยังคนจีนซึ่งโพสต์หลายๆกรณี รวมทั้งการเลือกตั้งสหรัฐ และเน้นพูดถึงกรณีความมั่นคงทางทะเลในทะเลจีนใต้ด้วย
มีเพียง 3 กลุ่มที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งในสหรัฐโดยตรง เช่นกลุ่มที่สร้างขึ้นในเดือนเมษายน 2019 ชื่อว่า “ไปยังพีท บูดิจิจ 2020” (Pete Buttigieg) นายกเทศมนตรี เมืองเซาท์ เบนด์ รัฐอินเดียนา ซึ่งอายุเพียง 37 ปี มีสมาชิกอยู่เพียง 2 คน และในตอนกลางปี 2020 สร้างกลุ่มชื่อ “ทรัมป์แก็ก 2020″ซึ่งโพสต์สนับสนุนปธน.ทรัมป์ และกลุ่มอื่นชื่อ “ไบเดน แฮร์ริส 2020” เมื่อเฟซบุ๊กปิดเพจไปตอนต้นเดือนที่ผ่านมา ไบเดนและแฮร์ริส มีแฟนเพจตาม 1,400 คนขณะที่ทรัมป์มีแค่ 3 คน
“ผมแค่อยากจะบอกว่าการตั้งเป้ามีอิทธิพลกับการเลือกตั้ง แต่คุณไม่มีทางเข้าถึงคนอเมริกันจำนวนมากในอินเตอร์เน็ต จากคนแค่ 3 กลุ่มที่มีสมาชิกไม่ถึง 1,500 คนอย่างแน่นอน”
การซ้อมแห้งวัดผลความนิยมคนอเมริกัน
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเสนอว่า การเลือกตั้งเป็นการวัดเสียงเกี่ยวกับ การปฏิบัติรุกทางข่าวสารของคนจีน “มันคือการขว้างทุกอย่างไปที่กำแพง และดูว่าผลตอบกลับเป็นอย่างไร” เชลอ คอลลิเวอร์, หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และนโยบายดิจิทัล จากสถาบันการสนทนาด้านยุทธศาสตร์ ต่อต้านนโยบายสุดโต่งในกรุงลอนดอน กล่าววิจารณ์
การสรุปของคณะกรรมการข่าวกรองแห่งรัฐสภาสหรัฐเมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้อำนวยการ, จอห์น แรทคลิฟฟ์ กล่าวว่า ทนายจำนวนมากต่างเป็นเป้าหมายของคนจีนในการเข้าร่วมรณรงค์สร้างอิทธิพลทางความคิด ข้อเท็จจริงดังกล่าวรายงานโดยนสพ.เดอะฮิลล์
แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าพนักงานที่ไม่มีอำนาจในการแถลงต่อสาธารณชนกล่าวว่า “จงตื่นตัวรู้ว่าจีนพุ่งเป้าหมายมายังสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ โดยส่งสารมาไม่น้อยกว่า 6 ครั้งเท่ากับรัสเซียและ 12 ครั้งที่อิหร่านทำแบบเดียวกัน และทางการจีนสามารถมีอิทธิพลทางความคิดต่อนักกฎหมาย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อผู้แข่งขันเลือกตั้งให้มีคะแนนเหนือคู่แข่งได้ โดยการโฆษณาชวนเชื่อในโซเชียลมิเดียให้เกิดความนิยม
จีนเข้ามาเกี่ยวพันยุ่งเหยิงกิจการต่างประเทศอย่างมาก กลยุทธ์คือ ใช้การติดสินบน ขู่กรรโชกและข้อเสนอแอบแฝงบางอย่าง เรย์, ผู้อำนวยการเอฟบีไอ สหรัฐกล่าวในเดือนกรกฏาคมว่า นักการทูตจีนมักใช้วิธีหลายๆอย่าง ใช้เศรษฐกิจบีบคั้น และแสร้งทำตัวเหมือนว่าเป็นคนกลางที่มีอิสระ เพื่อผลักดันความต้องการของจีนให้บรรลุในหมู่เจ้าหน้าที่อเมริกัน