ปรับครม.วัดใจนายกฯ!!! ปรับยังไงไม่ให้ทัวร์ลง?!? ปชช.ยอมรับ-รบ.ไม่กระเพื่อม!?!

1738

วันดีคืนดี ซูเปอร์โพลทะลุกลางปล้อง ตั้งคำถามเจาะจงณัฏฐพงษ์และพุทธิพงษ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่มาจากกลุ่มกปปส. ว่าผลงานเป็นอย่างไร? ควรปรับออกหรือไม่ คำตอบออกมาคือ ควรปรับออก 90.8% แน่นอนทั้งสองคนเก้าอี้ร้อน คำถามคือทำไมซูเปอร์โพลจึงต้องถามเจาะจง จะมีการจ้างวานหรือกระทำด้วยความบริสุทธิ์ แต่คนเสียหายแน่นอนคือณัฏฐพลและพุทธิพงษ์ ส่วนคนได้ประโยชน์คือคนที่รอเสียบหรือ ไม่อยากถูกปรับออก

สำหรับคณะรัฐมนตรี 36 คน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมี 18 คน(รวมนายกฯรมต.) ประชาธิปัตย์ 7, ภูมิใจไทย 7, ชาติไทยพัฒนา 2, รวมพลังประชาชาติไทย 1, และชาติพัฒนา 1

เดิมช่วงจัดตั้งรัฐบาลมีจำนวนส.ส.สนับสนุนอยู่ทั้งสิ้น 254 คน แต่ขณะนี้เพิ่มเป็น 276 คน จากผลการยุบพรรคอนาคตใหม่ที่ทำให้ส.ส.กระจายมาอยู่ฝั่งรัฐบาล แม้มีส.ส.หนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น แต่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะพรรคภูมิใจไทย ที่มีส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 10 คนจากเดิมที่มีอยู่ 51 คน รวมเป็น 61 คนยืนยันว่าจะไม่ขอตำแหน่งเพิ่ม และจะไปลดประชาธิปัตย์คงไม่ได้ เพราะจะกระทบกระเทือนเสถียรภาพของรัฐบาล เนื่องจากเสียงรัฐบาลจะไม่พอทันที

ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา มีส.ส.ในมือ 12 คน เป็นรัฐมนตรี 2 ตำแหน่งก็ถือว่าดีทีเดียว ตลอดเวลาไม่มีกระแสปั่นป่วนภายในพรรคแต่อย่างใด

พรรคชาติพัฒนาเพียงรักษา 1 ตำแหน่งก็คงไม่มีปัญหา เมื่อเป็นเช่นนี้ หากมีการเพิ่มโควต้ารัฐมนตรีแก่พรรคเล็กพรรคน้อยที่สนับสนุนรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น ก็จะต้องตัดแบ่งจากจำนวนโควต้าของพรรคพลังประชารัฐเองเท่านั้น

ปัญหาจึงอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ:
พปชร.อาจต้องลดโควต้าเพิ่มให้กับพรรคเล็ก และแม้ภายในพรรคเองแม้จะขจัดกลุ่ม 4 กุมารของดร.สมคิดฯออกไปได้แล้ว แต่ในกลุ่มที่สนับสนุนพลเอกประวิตรฯก็แตกแยกกันเองภายในถึง 4-5 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มของวิรัช รัตนเศรษฐกับกลุ่มของผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แม้พลเอกประวิตรฯ จะให้จับมือโชว์ว่าดีกันแล้ว แต่ความจริงคือแก้วที่ปริแตกยากจะกลับมาประสาน

ยิ่งพิจารณาถึงสำนักซูเปอร์โพล โดยนายนพดล กรรณิกาได้เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง “ผลกรรมข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี”ทิ่มแทง 2 รัฐมนตรีจากกลุ่มกปปส. ยิ่งทำให้ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐยิ่งปั่นป่วนมากยิ่งขึ้นว่า “ใคร” กลุ่มไหนเล่าที่เป็นผู้วางแผนแทงข้างหลังในครั้งนี้ ยิ่งถ้าดูผลการสำรวจอย่างละเอียดที่ได้เปิดเผยออกมาว่า
-พอใจค่อนข้างน้อยถึงไม่พอใจเลย 86.6%
-พอใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด 13.4%

เหตุผลที่ไม่พอใจกลุ่มรัฐมนตรีที่เคยเป็นแกนนำกปปส.คือ
-สร้างความขัดแย้ง วุ่นวาย แก่งแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี 66.7%
-ไม่มีผลงานที่โดนใจ 59.6%
-ไม่ทำตามอุดมการณ์ที่เคยประกาศไว้ 56.3%
-เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย 27.6% และอื่นๆ 3.4%

ที่น่าพิจารณาคือ “ระบุควรปรับออกรัฐมนตรีที่เคยเป็นแกนนำกปปส. 90.8%”
ขณะที่มีเพียง 9.2% ที่ระบุว่าควรอยู่ต่อ
ก็ยิ่งชัดเจนว่า “งานนี้คือการแทงข้างหลัง”

โควต้ารัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐภายใต้สถานการณ์ใหม่ จากที่มี 17 คนไม่นับพลเอกประยุทธ์ฯ ก็อาจจะต้องลดลงให้กับพรรคเล็กดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องกลับมาพิจารณาว่า เดิมนั้นจัดสรรกันอย่างไร?

เดิมโควต้ากลางที่เป็นของนายกฯพลเอกประยุทธ์ฯ จัดมา 5 คน ได้แก่ พลเอกอนุพงษ์ เหล่าจินดา, ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายวิษณุ เครืองาม, พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล และนายดอน ปรมัตถ์วินัย

ส่วนที่เหลือของพปชร.อีก 12 คนได้แก่
-ทีมดร.สมคิดฯ ได้แก่ นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์, ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
-ทีมกปปส. ได้แก่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
-ทีมสามมิตร ได้แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
-ทีมผู้กอง ได้แก่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า, นายสันติ พร้อมพัฒน์
-สายตรงนายกฯ ได้แก่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม
-สายตรงพลเอก ประวิตรฯ ได้แก่ ตัวพลเอกประวิตร เองและนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ
ซึ่งเป็นบุตรชายนายวิรัช รัตนเศรษฐ

หากจำต้องลดโควต้าให้พรรคเล็กไป 1 ก็จะเหลือ 16 หากปรับเอาดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์, ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ออก ใน 16 ตำแหน่งก็จะมีคนเดิมอยู่แล้ว 12 ควรจะเข้ามาได้อีกก็แค่ 3 คน
แน่นอนหนี่งในนั้นต้องเป็น เลขาธิการพรรคคือ นายอนุชา นาคาศัย จากกลุ่มสามมิตร 2) นายสุชาติ ชมกลิ่นคนที่พลเอกประวิตรฯใช้งานมาโดยตลอด และมีบารมีอยู่ในกลุ่มส.ส.ภาคกลาง 3) คือคนกลางที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ

ในสมมติฐานว่าถ้าดร.สมคิดฯออก แต่ถ้าดร.สมคิดไม่ออก การจะเข้ามาได้ก็แค่ 2 คน หนึ่งในนั้นต้องเป็นคนกลางที่จะมาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพิ่อภาพพจน์ที่ดี เหลืออีก 1 ตำแหน่งจะต้องเลือก ระหว่างเลขาธิการพรรค คือนายอนุชา นาคาศัย หรือ นายสุชาติ ชมกลิ่น

ตรงนี้เป็นความยากลำบากมากเพราะ “เลขาธิการพรรค” จะไม่ได้ตำแหน่งรมต.ก็ใช่ที่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้สุชาติฯ ผิดหวังซ้ำซาก พรรคจะมีแรงกระเพื่อมหรือไม่ แต่ถ้าดร.สมคิดฯออกก็จะค่อนข้างลงตัว หรือถ้าจะเอารัฐมนตรีจาก กปปส.ออกสักคนก็เป็น อีกทางออกที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ฯ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ทั้งสิ้นทั้งปวงก็จะมาลงที่พลเอกประยุทธ์ฯ ว่าจะทำอย่างไร ให้เรื่อง “โควต้าลงตัวและประชาชนยอมรับในการปรับ คณะรัฐมนตรีครั้งนี้”

………………………………………