จากที่เมื่อวันที่ 17 ต.ค.63 บริเวณแยกตากสิน ใต้สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ มีการร่วมเปิดแฟลชม็อบ ก่อนที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่จะแยกย้ายกันกลับ แต่มีกลุ่มนักเรียนอาชีวะแห่งหนึ่ง ย่านฝั่งธนฯ ไม่ยอมเดินทางกลับ พยายามที่จะชุมนุมต่อนั้น
ทั้งนี้โดยในขณะที่รถน้ำของเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตคลองสานวิ่งผ่านมา กลุ่มนักเรียนอาชีวะดังกล่าวได้ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่รถ รวมทั้งทุบและตีรถ และตะโกนต่อว่า ส่วนเจ้าหน้าที่พยายาขับรถหนี แต่ถูกขัดขวางด้วยการล้อมรถและเอาแผงเหล็กกั้นไว้
ต่อมาเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มฟันเฟืองธนบุรี ออกแถลงการณ์ว่าในนามของกลุ่มฟันเฟืองธนบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้เข้าพื้นที่ชุมนุมที่วงเวียนใหญ่ในวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา จากเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากฝั่งใด แต่สำหรับเราฟันเฟืองประชาธิปไตยอาชีวะที่เข้าร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยและออกมาร่วมกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ทุกสถาบันทุกกลุ่มคือเพื่อนคือพี่น้อง
แต่เราต้องขอชี้แจงอย่างหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีชนวนจากที่พี่น้องอาชีวะเราถูกจับกุมควบคุมตัว แม้จะมาจากต่างที่ต่างสถาบันต่างกลุ่ม แต่เมื่อเราเห็นเพื่อนที่ต่อสู้ร่วมอุดมการณ์และมีความเป็นอาชีวะเช่นเดียวกัน ทำให้มีความรู้สึกว่าเราถูกกระทำ ทั้งนี้สิ่งดังกล่าวคงไม่สามารถมาเป็นข้ออ้างในการกระทำที่เกิดขึ้นได้ จึงขอกล่าวขอโทษต่อทุกท่านมาในแถลงการณ์ฉบับนี้
ล่าสุดวันนี้(20ต.ค.63) พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
กรณีเจ้าหน้าที่กทม.ถูกกลุ่มนักเรียนอาชีวะที่ร่วมชุมนุมบริเวณวงเวียนใหญ่ขว้างปาสิ่งของ และทุบทำลายรถน้ำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถน้ำสลายการชุมนุมนั้น ทางกลุ่มดังกล่าวก็ได้ออกมาแถลงขอโทษแล้ว กทม.ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรครับ จากเหตุการณ์นี้ ผมก็ได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ของเราที่ต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการจัดเก็บขยะ และล้างทำความสะอาดถนน รวมถึงภารกิจอื่นๆ ให้เข้าดำเนินการหลังจากยุติการชุมนุมในแต่ละวัน เพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม กทม.ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ให้ช่วยกันรักษาความสะอาดพื้นที่ชุมนุม และขอขอบคุณผู้ชุมนุมที่ช่วยรวบรวมขยะและทิ้งขยะเป็นจุด ทำให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพฯ และทำให้สามารถเปิดการจราจรได้เร็วขึ้นอีกด้วยครับ
ที่มา : เฟซบุ๊ก ผู้ว่าฯ อัศวิน