อดีตรองอธิการฯ มธ.ชี้ ม็อบเปิดข้อเรียกร้อง อุดมการณ์ร่วมก้าวหน้า-ก้าวไกล จาบจ้วงเบื้องสูงจนกู่ไม่กลับ!?!

3547

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการฯ มธ.ชี้ ม็อบเปิดข้อเรียกร้อง ทิศทางเดียวกับคณะก้าวหน้า-ก้าวไกล จาบจ้วงเบื้องสูงจนกู่ไม่กลับ!?!

จากกรณีที่มีการชุมนุม ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มคณะราษฎร จนยืดเยื้อมาถึงวันนี้ (20 ตุลาคม 2563) ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองมาก สำหรับการเคลื่อนไหวของประชาชน เยาวชนและนักเรียน ที่มีการพูดถึงการทำงานและบริหารประเทศของรัฐบาล จนโยงไปสู่การโจมตีสถาบัน ที่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่า ต้องการเพียงปฏิรูปสถาบันเท่านั้น แต่การแสดงออกและเนื้อหาที่ปราศรัย ดูเหมือนเป็นการพูดใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน จนทำให้กลุ่มผู้รักสถาบันเกิดความไม่พอใจและออกมาปกป้อง

ต่อมา ทางด้านคณะประชาชนปลดแอก ได้เปิดแถลงการณ์ข้อเรียกร้องในเรื่องของ การเปิดประชุมสมัยวิสามัญสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยมี 3 ข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. หยุดดำเนินคดีแก่ประชาชนทุกกรณี

2. ปล่อยบุคคลที่ต้องข้อหาตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม และเกิดขึ้นภายใต้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง

3. สภาต้องรับหลักการผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อเป็นการหาทางออกให้แก่ประเทศ และเป็นการยุติปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ล่าสุดทางด้าน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ถึงกรณีของม็อบคณะราษฎร 2563 ถึงข้อสังเกตในเรื่องของการชุมนุม โดยระบุข้อความว่า

จากที่ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมประท้วงของกลุ่มหลายกลุ่มที่รวมตัวกันเรียกว่า คณะราษฎร 2563 ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า ฝ่ายม็อบ ผมมีข้อสังเกตุดังต่อไปนี้
1. มีการจับกุมดำเนินคดีแกนนำหลายคน แต่หลีกเลี่ยงที่จะใช้มาตรา 112 ทั้งที่หลายคนทำความผิดตามมาตรา 112 อย่างชัดแจ้ง แต่เลี่ยงไปใช้มาตรา 116 และมาตราอื่นๆแทน
2. การจับกุมแกนนำ เป็นการเรียกแขกให้มาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันการเข้ากระชับพื้นที่ เพื่อสลายม็อบ แม้ดูเหมือนเป็นความจำเป็น แต่ผลที่ ตามมาคือ ฝ่ายม็อบนำไปขยายผลทำให้มีคนมาร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ
3. ฝ่ายบ้านเมือง ตามฝ่ายม็อบไม่ทัน ในทุกเรื่องโดยเฉพาะการใช้ social media
4. ข้อเรียกร้อง และทิศทางของฝ่ายม็อบ เป็นไป และเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกันกับ แนวทางของคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล
5. การกระทำย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์ และองค์พระมหากษัตริย์ทั้งรัชกาลที่ 10 และรัชกาลที่ 9 ด้วยการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ทั้งในการปราศรัย ในการชูป้าย ในการรวมกันตะโกนด่า และมีการโพสต์ข้อความใน social media ที่พยายามด้อยค่าผลงานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งหมดนี้ มีมากขึ้นทุกวัน และไปไกลมากจนอาจกู่ไม่กลับแล้ว
6. ใครที่ยังคงเคารพ จงรักภักดีต่อและแสดงการปกป้องพระมหากษัตริย์ จะถูกตราหน้าจากฝ่ายม็อบว่า ไม่ทันยุคสมัย กระทั่งงมงาย
7. ทฤษฎีที่ว่า สหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลัง
ความพยายามล้มรัฐบาลนี้ เพื่อต้องการรัฐบาลใหม่ที่ไม่ฝักไฝ่กับจีน ดูท่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นทุกที ล่าสุดสังเกตุว่า สื่อต่างๆของอเมริกัน และที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกา เช่น The Economist ของอังกฤษล้วนลงข่าวเป็นลบต่อรัฐบาล และเป็นคุณกับฝ่ายม็อบทั้งสิ้น สื่ออิสระต่างๆในประเทศที่ชัดเจนว่าเป็นแหล่งป้อนชุดความคิดให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หลายแห่ง รวมทั้ง NGO ต่างๆ ได้รับเงินสนับสนุนจาก National Endowment for Democracy หรือ NED
8. ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะเริ่มดีขึ้น กลับต้องชะงักงันอีกครั้ง กิจกรรมต่างๆทางธุรกิจที่จะทำให้เกิดรายได้ต่อกันเป็นทอดๆ ต้องถูกระงับ ถูกเลื่อนออกไป ไม่มีกำหนด
9. สถานการณ์ขณะนี้ ฝ่ายบ้านเมืองกำลังตกเป็นรองฝ่ายม็อบ จนอาจถึงขั้นที่เอาไม่อยู่
10. ประชาชนฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกับม็อบ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้มีจำนวนมากกว่า ยังคงเป็นพลังเงียบ ที่ออกมาอยู่ 2 ข้างทางตามเส้นทางเสด็จ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม เป็นเพียงมวลชนจัดตั้งของกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ไม่มีพลัง และไม่มีผลกระทบต่อฝ่ายม็อบแต่อย่างใด
จากนี้ไปคาดว่าฝ่ายบ้านเมืองจะไม่กล้าสลายม็อบอีก แต่น่าจะมีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายต่อไป
ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ผลสุดท้ายของการชุมนุมจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ขอฟันธงว่า ในสถานการณ์ที่ยังไม่มีเงื่อนไขที่เพียงพอเช่นนี้ จะไม่มีใครคิดสั้นทำรัฐประหาร ค่อนข้างแน่

จากที่ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมประท้วงของกลุ่มหลายกลุ่มที่รวมตัวกันเรียกว่า คณะราษฎร 2563 ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า…

Posted by Harirak Sutabutr on Monday, October 19, 2020