จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตาฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในการขอกระชับพื้นที่แยกปทุมวันนั้น ต่อมาทางด้านกลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยร่นขบวนจากแยกปทุมวันไปที่จุฬาฯ ส่วนตำรวจตชด.ได้ตั้งแถวพร้อมโล่และกระบองเพื่อขอกระชับพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมอีกรอบในค่ำคืนวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้การเคลื่อนขบวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ขณะอยู่ที่โรงภาพยนตร์หน้าลิโด้ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยร่อนเข้าไปในรั้วของจุฬาฯ จนทางแกนนำคณะราษฎรประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 19.57 น. แต่ยังพบว่ามีผู้ชุมนุมบางกลุ่มไปรวมตัวกันที่แยกราชเทวี จนต้องมีการกำชับพื้นที่อีกครั้ง
ขณะที่ทางด้านกอร.ฉ. ชี้แจงสลายการชุมนุมแยกปทุมวัน ระบุว่าเป็นตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก ระบุไม่อยากเห็นภาพที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แต่ต้องดำเนินการ เพราะมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าหน้าที่ประกาศให้ยุติไปหลายครั้ง แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมถอย และได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมไป 7 คน แจ้งความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
นอกจากนี้มีการตั้งคำถามว่า น้ำที่ผสมสารเคมีประเภทสีที่ฉีดนั้น ตั้งใจแยกแยะผู้ชุมนุม เพื่อดำเนินคดีในอนาคต ไม่มีอันตราย สารเคมีผสมน้ำ ตั้งใจให้ชุมนุมยุติและล่าถอย จะส่งผลต่อผิวหนัง มีอาการแสบ ใช้น้ำล้างออกได้ อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการใช้กระสุนยางตามที่มีกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก Free YOUTH ได้โพสต์ข้อความ ระบุแถลงการณ์จาก (คณะ) ราษฎร ว่า จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำของวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เรารับรู้ได้ว่ารัฐบาลและกองทัพ ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชนอย่างสมบูรณ์ เราขอประณามทุกการกระทำที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน และขอประณามทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
เราขอประกาศว่า เรายังยืนยันที่จะจัดการชุมนุมต่อไปในวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ต่อให้รัฐบาลจะทำการจับกุมแกนนำของเราไปจนหมด แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงสองวันนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแกนนำที่แท้จริงนั้นคือ “ประชาชนทุกคน” มิใช่เพียงคนใดคนหนึ่ง ประชาชนไม่อาจทนต่อการกดขี่ได้ฉันใด ชนชั้นนำก็ไม่อาจฝืนสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ฉันนั้น หากรัฐยังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของเรา ก็พึงรู้ไว้เถิดว่าเราเองก็ไม่สามารถละทิ้งอุดมการณ์ได้เช่นกัน