จากกรณีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตาม ป.อาญามาตรา 112
จากเหตุให้สัมภาษณ์กับสื่อของเกาหลีใต้ และประเทศไทย เกี่ยวพันกันเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ซึ่งในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่เข้าข่ายหมิ่นและพาดพิงสถาบัน โดยย้อนไป 9 พ.ย.2552ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้พาดพิงสถาบัน และมาถูกดำเนินคดีในปี 2558
โดยตอนนั้น หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ของอังกฤษ ได้เผยแพร่ข่าวคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวกับ นายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี บรรณาธิการข่าวเอเชียของเดอะ ไทมส์ ณ นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีข้อความจำนวนมากที่พาดพิง และล่วงละเมิดองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ของไทยอย่างรุนแรง จนทำให้ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องออกมากล่าวแก้ตัว โดยออกแถลงการณ์อ้างว่า นสพ.อังกฤษ และ นายแพร์รี นั้น บิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของเขา
ทักษิณ ได้แถลงว่า ผมรู้สึกเสียใจต่อการนำเสนอข่าวของ timesonline ในครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ผมได้กำชับผู้สัมภาษณ์ว่าเรื่องสถาบันเป็นเรื่องสูงและละเอียดอ่อน ต้องนำเสนอข่าวให้ตรงกับสิ่งที่ผมพูด ผมจึงขอประณาม timesonline ที่เสนอข้อความเท็จและสร้างความสับสนในเรื่องนี้
ต่อมา ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ ได้นำคำให้สัมภาษณ์ฉบับเต็มของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ โดยคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นบทถาม-ตอบ ระหว่าง นายแพร์รี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 12 หน้า
สำหรับบทสัมภาษณ์ชิ้นดังกล่าวระบุถึงข้อความจำนวนมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงและล่วงละเมิดบุคคลในราชวงศ์ไทยอย่างรุนแรง และเป็นหลักฐานยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวคำพูดที่ไม่เหมาะสมจริง อีกทั้งยังบ่งชี้ให้เห็นถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย
อย่างไรก็ตาม บทสัมภาษณ์ดังกล่าวยังมีข้อมูลที่น่าสนใจจำนวนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเหตุการณ์หลายอย่าง และ พาดพิงถึงบุคคลจำนวนมาก โดยหลายข้อความผู้สื่อข่าวสามารถจับพิรุธได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึง กรณีหลายปีก่อนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้ร่วมรับประทานอาหารกับตุลาการชั้นผู้ใหญ่บางคน ที่บ้านของ นายปีย์ มาลากุล โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอ้างกับนักข่าวของเดอะไทมส์ว่า ในวงอาหารวันนั้นได้มีการร้องขอให้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ลอบสังหารตัวเขา (คำให้สัมภาษณ์หน้าที่ 4) กระนั้น พล.อ.พัลลภ พร้อมกับนายทหารจำนวนหนึ่ง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่ารับคำสั่งมาลอบสังหารเขา กลับสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ถูกควบคุมโดย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา
ต่อมาในคำให้สัมภาษณ์หน้าที่ 6 เมื่อถูกผู้สื่อข่าวของเดอะไทมส์ถามว่า เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ เคยกล่าวมิใช่หรือว่าหากเสียงปืนแตกเมื่อใดตนเองจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อนำขบวนกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ และเป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไทยจากประเทศกัมพูชาซึ่งเพิ่งแต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พยายามกล่าวเลี่ยงไปว่า ถ้าเขาจะเดินขบวนเข้ากรุงเทพจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“ถ้าผมเริ่มเดิน ผมจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย บนพื้นแผ่นดินไทย แต่ผมจะผ่านเข้าทางชายแดน ผมสามารถเข้าไทยได้จากลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า ผมสามารถหาทางของผมได้” นักโทษชายผู้หลบหนีโทษจำคุกกล่าว อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธที่จะกล่าวถึง กรณีที่ตัวเองผิดสัญญาว่าจะมานำกลุ่มคนเสื้อแดงหากมีการสลายการชุมนุมจากรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา
ในหน้าที่ 8 ของบทสัมภาษณ์ เมื่อถูกถามว่า “คุณให้การสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นจำนวนเท่าไหร่” พ.ต.ท.ทักษิณกลับ ตอบเลี่ยงไปว่า “ถ้าคุณได้คลุกคลีกับเสื้อแดงคุณจะคุณจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เขามาชุมนุมด้วยตัวของพวกเขาเอง พวกเขาช่วยเหลือกัน บริจาคเงินกันคนละนิดละหน่อยเมื่อเดินทางมากรุงเทพ เก็บเงินกัน พวกเขาช่วยเหลือกันอย่างดีมาก ผมยังแปลกใจเลย ไม่เหมือนพวกเสื้อเหลืองที่มีที่มาจากกลุ่มทหาร…”
ทั้งนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับสื่ออังกฤษน่าจะผิดไปจากข้อเท็จจริงไม่น้อย เนื่องจากในปี 2551 เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณขายทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลในอังกฤษเขาก็ได้เงินมาแล้วมากกว่า 200 ล้านปอนด์ โดยไม่นับรวมกับสินทรัพย์อื่นๆ ของเขาที่กระจายอยู่ทั่วโลกแต่อย่างใด
สำหรับนายริชาร์ด ลอยด์ แพรรี นั้นเป็นบรรณาธิการข่าวเอเชียของ นสพ.เดอะไทมส์ (ลอนดอน) อายุ 40 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ปัจจุบันประจำอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เคยเป็นผู้สื่อข่าวในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน อินโดนีเซีย ติมอร์ตะวันออก เกาหลีเหนือ เวียดนาม โคโซโว มาเซโดเนีย ซึ่งก็เรียกว่า ถูกตอกหน้าหงายเงิบเลยทีเดียวนะคะ จนวันนี้ก็ต้องรับกรรมถูกดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาม.112 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว