จากที่วันนี้ (3 ม.ค.2567) จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรก ซึ่งกำหนดวันประชุมไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ถึงวันที่ 5 มกราคม 2567
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 3,480,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 295,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 โดยวงเงินงบประมาณดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ทั้งนี้ในวันเดียวกันนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม – Warong Dechgitvigrom
#เงินงบประมาณ
วันนี้จะเป็นวันแรกที่ สภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ วงเงิน ๓.๔๘ ล้านล้านบาท วาระที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๓-๕ มกราคมนี้
สาระในการใช้จ่ายเงินของแผ่นดิน พรรคการเมืองต่างๆก็จะว่ากันไป จะเป็นงบกลางซึ่งปีนี้ ตั้งไว้สูงถึง จำนวน ๖๐๖,๗๖๕ ล้านบาท หรืองบจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่ประเด็นที่น่าจับตา
1.จะมีพรรคการเมือง ฉวยโอกาสจับแพะชนแกะ เอางบโครงการพระราชดำริ ไปโจมตีว่าเป็นการใช้จ่ายของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการจงใจให้ประชาชนเข้าใจผิดอีกหรือไม่
2.ฉวยโอกาสเอาเวที ของการอภิปรายงบประมาณ แขวะมาที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆที่การบริหาประเทศ บริหารงบประมาณเป็นอำนาจของรัฐบาลและถูกตรวจสอบโดยนักการเมืองฝ่ายค้าน
3.ดูซิว่าพรรคฝ่ายค้านใหญ่อย่างก้าวไกล จะกล้าตรวจสอบงบของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม หรือแม้แต่โรงพยาบาลตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนักโทษชั้น14 หรือไม่ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลแบบหน้าด้านๆ ไม่แคร์ประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ และนี่คือความน่าเชื่อถือของรัฐบาลด้วย แต่ที่ผ่านมาก้าวไกลก็ชกเรื่องน้อยมาก
ความจริงแล้วรัฐบาลเศรษฐา บริหารประเทศผ่านไป 4เดือน แต่มีจุดอ่อนจำนวนมาก ทั้งปัญหาปากท้อง กระบวนการยุติธรรม ปัญหาต่างประเทศ นโยบายไม่ตรงปกเช่นเงินดิจิทัล แต่บังเอิญเราก็ได้ฝ่ายค้านที่ ยังต่อยไม่สุดหมัด ช่วยกันติดตามนะครับ โดยเฉพาะสามประเด็นที่กล่าวถึง