ไทยภักดีท้วงรบ.ปิดกั้นร่วมกก.ประชามติแก้รธน. ส่งหนังสือแจ้งภูมิธรรมแล้วทำเฉย ย้ำเดินตามราชประชาสมาสัยแก้วิกฤตปท.

2736

จากเมื่อวันที่ 04 ตุลาคม 2566 เฟซบุ๊ก พรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความ ระบุถึง คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐

ทั้งนี้โดยเป็นของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จำนวน๓๕คน ซึ่งเริ่มต้นก็แสดงให้เห็นว่าปิดกั้น ไม่เปิดกว้าง ไม่ยอมรับตัวแทนของประชาชนทุกๆภาคส่วน ที่แสดงเจตจำนงอย่างประจักษ์ชัดเจนว่าต้องการมีส่วนร่วมในกระบวนการประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

พรรคไทยภักดีได้ทำการศึกษาวิกฤตปัญหาต่างๆของประเทศไทยด้วยการเดินทางพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนทุกๆภาคส่วนทุกๆพื้นที่ของประเทศ ได้นำมาวิเคราะห์โดยละเอียดมีข้อสรุปว่า ๙๑ปีของการเมืองไทย ซึ่งได้ใช้ระบอบการปกครองซึ่งเสียสมดุลแห่งอำนาจ ที่นักการเมืองเป็นใหญ่แต่เพียงฝ่ายเดียว ได้สร้างวิกฤตปัญหาต่างๆมากมายขึ้นในสังคม

ซึ่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการเพิ่มพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ร่วมมือกับประชาชน ด้วยกระบวนการ”ราชประชาสมาสัย” เพื่อแก้ไขวิกฤตปัญหาต่างๆของประเทศ พรรคไทยภักดีซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนผู้จงรักภักดี จึงขอมีส่วนร่วมในคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐

โดยมีหนังสือถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย ประธานคณะกรรมการฯ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับให้ตัวแทนของพรรคไทยภักดีได้เข้าร่วมในคณะกรรมการดังกล่าว นับเป็นการปิดกั้น ไม่เปิดกว้างของรัฐบาล

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นับได้ว่าเป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญมากที่สุด จำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนทุกๆภาคส่วนมีส่วนร่วมในกระบวนการอย่างกว้างขวางที่สุด ครอบคลุมประชาชนทุกหมู่เหล่า รัฐบาลควรให้โอกาสแก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกหมู่เหล่าโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ

อันจะเป็นการปิดกั้นกลุ่มประชาชนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล ซึ่งนับจากนี้ไปก็เป็นการยากที่จะเชื่อว่ารัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง และที่สำคัญตลอดเวลาที่ผ่านมานักการเมืองมุ่งแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง หาได้สนใจประโยชน์ของประชาชนแต่อย่างใด

ยิ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยข้ออ้างว่าลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน แต่ผลที่สุดกลับกลายเป็นนักการเมืองที่มีอำนาจเพิ่มมากขึ้น ผูกขาดอำนาจมากขึ้น ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงเสียที